ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Social Media อยู่รอบตัวตลอดเวลา สังเกตได้เลยว่า ความไวของข่าวสาร ทำให้เราตามข่าว ตามกระแสทัน ถ้าตามไม่ทันก็ตกข่าว คุยกับใครไม่รู้เรื่อง
แต่เราจะรู้ให้ทันทุกเรื่องไปทำไมกันนะ บางทีรับข้อมูลเยอะไม่ไหว จนสมอง overload และคงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เรา “สมาธิสั้น”
เรามีความคิดที่อยากจะออกจากความเบื่อหน่ายและ Toxic ของ Social Media มาตลอด แต่ด้วยงานที่เราทำอยู่ ต้องใช้ Social Platform เลยรู้สึกว่ายากที่จะอยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้
สิ่งที่เจอบนหน้า feed เราเห็นแล้วบางทีมันน่าหงุดหงิดจริง ๆ โดยเฉพาะใน Facebook ที่ตอนนี้ algorithm ดันแต่ content อะไรไม่รู้ขึ้นมา อย่าง post หรือ live จากคนที่เราไม่ได้เป็นเพื่อน หรือติดตาม
กับ post อีกประเภท #ครีเอเตอร์มือใหม่ #ภาพนิ่งสร้างรายได้ #AIเปิดการมองเห็น แล้วแปะลิงก์ใน comment ตรงนี้คือการหารายได้เพียงแค่ post รูปภาพ หรือพิมพ์ข้อความ ก็ได้เงินแล้ว ต่างจาก Youtube ที่การสร้างรายได้ ต้องมาจากวีดีโอที่ทำขึ้นมาเอง ไม่ใช่ไปดูดคลิปของคนอื่นมาลง ยอมรับว่าในใจตรงนี้ค่อนข้างน่ารำคาญพอสมควรสำหรับเรา แต่เขาไม่ผิดที่ทำ เพราะไม่เดือดร้อนใคร เราก็ได้แค่จัดการตัวเอง block/unfriend ไป
ใน Instagram สังคมแห่งความแกลม เราไม่ค่อยอะไรกับแอปนี้เท่าไหร่ เพราะเราเอาไว้ใช้ทำงาน กับติดตามศิลปิน ว่ามีเพลงใหม่อะไรบ้าง
Twitter เราติดปากกับชื่อนี้ไปแล้ว สำหรับเราก็โอเคกว่า Facebook แต่ Toxic พอสมควร เล่นไปเล่นมาจะเป็นบ้าเอา คือเลื่อนเจอทวิตอะไรที่ได้ความรู้, tricks, memes หรืออะไรน่ารัก ๆ จะรู้สึกแฮปปี้ ยิ้มได้ แต่ทวิตถัดไปเป็นดราม่า หรือทวิตที่มันดูไม่ตรงกับ common sense ของเรา (จริง ๆ มีคำที่แรง เราน่าจะทราบกันดี แต่ขอไม่ใช้) ทำให้หุบยิ้ม หงุดหงิดไปเลย แบบว่า ทำไมทำแบบนี้ คิดงี้ อะไรแบบนี้
TikTok แอปที่เดี๋ยวนี้เราแทบไม่แตะเลย ไม่ใช่ว่าไม่เคยเล่น เราเคยเล่น แต่ด้วยความที่เล่นไปเล่นมา แล้วสังเกตว่าตัวเองสมาธิสั้น อ่านอะไรยาว ๆ ไม่ได้ อ่านได้แค่ไม่กี่บรรทัดก็เลื่อนผ่าน เราลบแอปทิ้งไปเลย แล้ว recover ตัวเอง จนทุกวันนี้กลับมาอ่านอะไรยาว ๆ ได้เหมือนเดิม
การที่เราอยู่กับ social media นาน ๆ ส่วนตัวว่ามีข้อเสียมากกว่าข้อดี ที่แน่ ๆ เลยคือ ประสิทธิภาพของสมองเราลดลง แต่ยอมรับว่าหนีไม่พ้นจริง ๆ ถึงต่อให้หนี ก็ต้องกลับมาใช้อยู่ดี เพราะ lifestyle ของเรา ทำได้แค่ลดเวลาการใช้งานลง